ตลาดยังไม่ได้ซ่อนความกังวลออกไปเกี่ยวกับ ความขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นมาในรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งสองในระดับโลก สำหรับเทรดเดอร์สกุลเงินพยายามที่จะเข้าใจว่า อะไรคือสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องการจะสื่อผ่านทางทวิตเตอร์ มันเป็นไปได้ที่ความเห็นที่ค่อนข้างรุนแรงล่าสุดของนาย Donald Trump เป็นอะไรที่มากกว่าการฟื้นตัวในสถานะการซื้อขาย เพื่อให้มีการปรับอัตราภาษีเพิ่มมากขึ้นต่อสินค้าจากประเทศจีนภายในวันศุกร์

นอกจากนี้ ยังมีการวิจารณ์ที่คล้ายคลึงกันของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ต่อคุณJerome Powell โดยนาย Trump ต้องการให้ทางเฟด ลดอัตราดอกเบี้ยลงไป แต่งว่าทำไมนะหรอ? เศรษฐกิจ อย่างที่สหรัฐอเมริกากำลังพยายามสร้างให้เกิดขึ้นจริงนั้น มีความแข็งแกร่งมาก นอกจากนั้น ธนาคารกลางไม่สนใจกับการทวีตข้อความของหัวหน้าแห่งทำเนียบขาว ในกรณีของทางเฟดนั้น นาย Trump เหมือนมัดมือตัวเขาเองไว้อยู่ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะถอดถอนประธานของหน่วยงานนี้ หรือเปลี่ยนองค์ประกอบของ คณะกรรมการผู้กำหนดนโยบายทางการเงิน (FOMC) แต่เขายังสามารถไปจัดการกับนโยบายต่างประเทศได้มากกว่านี้

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมากล่าวถึง ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา มันยังเป็นการยากที่จะจินตนาการไปว่า เมื่อจีดีพีของตนเอง ปรับตัวขึ้นไปจนถึง 3.2% และอัตราการว่างงาน ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุด ในช่วงครึ่งศตวรรษ โดยที่ประเทศจีน ที่มีส่วนแบ่งการส่งออกต่อจีดีพีที่แท้จริง คิดเป็น 18.3% และส่วนแบ่งด้านการขนส่งไปยังอเมริกา นั้นคิดเป็น 3.5% มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าในการยุติข้อพิพาททางการค้า

สำหรับชาวอเมริกันแล้ว ตำแหน่งของพวกเขาจะหลีกเลี่ยงอะไรไปไม่ได้ ถ้าหากความขัดแย้งกับกรุงปักกิ่งยังคงเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นแล้ว ทางด้านกรุงวอชิงตัน ไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเองด้วยการพูดสิ่งที่มันเกินจริงถึง ความสามารถในการเอาตัวรอดจากสงครามการค้าของตนเองไปอย่างไร้ประโยชน์ ส่วนการใข้งานภาษีต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดของประเทศจีน จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค โดยคิดเป็น 0.3 pp จากจีดีพีและ จะชะลอลงไปเป็น 2% ภายในสิ้นปีนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด สำหรับผลประกอบการทางการเงินของบริษัทในสหรัฐอเมริกา ลดระดับลง แล้วก็จะทำให้ดัชนีหุ้นลดลงไปตามๆกัน การปรับตัวลงต่อการเติบโตของการค้าระดับโลก และเศรษฐกิจ ได้ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา ซึ่งทำเนียบขาวไม่ต้องการมันเลย

มันอาจจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย ที่จะมาสร้างความขัดแย้งกันต่อไป และในที่สุดก็อาจจะมีการบรรลุข้อตกลงเกิดขึ้น ถ้าหากคุณดูที่ อัตราการเติบโตของความผันผวนใน อัตราแลกเปลี่ยนฟอเร็กซ์ที่อยู่ในระดับกลางนั้น เราก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า ยังคงมีความหวังในการจัดการกับปัญหาได้อย่างเต็มที่

ในขณะที่ เงินเยนของประเทศญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้นไปยังระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับ เงินดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี โดยมันแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังหมดความอดทนไป

เจ้าทุกข์คนหลักของความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและ ประเทศจีน คือเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย, เงินดอลลาร์สหรัฐและ เงินหยวนของจีน ในอดีตที่ผ่านมานั้น เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้รับประโยชน์จากปัญหาการค้าที่เพิ่มขึ้นมา

คู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) ไม่ต้องการขยับตัวไปไกลจากระดับ 1.12ดอลลาร์ โดยมีการซื้อขายในช่วงแคบๆ บางที ผลของการเจรจาครั้งต่อไปในวอชิงตัน อาจจะเป็นตัวกระตุ้นมัน