คู่สกุลเงินยูโร และดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) กำลังซื้อขายระหว่างเส้นแนวโน้มสองเส้นที่แข็งแกร่ง ในชาร์ตระยะเวลา 4 ชั่วโมงในวันที่ 29 เดือนเมษายน มันแสดงให้เห็นบนกราฟ ที่เป็นเส้นสีเหลืองสองเส้นที่ยาวที่สุดในทิศทางตรงกันข้าม แต่ละเส้นมีจุดสนับสนุนอย่างน้อยสองจุด และจุดสนับสนุนสุดท้ายสำหรับเส้นแนวโน้มขาลง ได้เกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้ ราคาของคู่สกุลเงินยูโร และดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) ดีดตัวขึ้นจากเส้นแนวโน้มขาลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์ยังไม่พร้อมที่จะซื้อสกุลเงินในยุโรปเพิ่มเติม ดังนั้นตอนนี้พวกเราคาดว่า ราคาของคู่สกุลเงินนี้ จะทิ้งตัวลงไปสู่เส้นแนวโน้มขาขึ้น ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกหลักในปัจจุบัน แต่ภูมิหลังทางเศรษฐกิจมหภาคจะป้องกันมันได้หรือไม่?

ไปเป็นตามที่พวกเราได้กล่ามาแล้วในบทวิเคราะห์พื้นฐาน รายงานต่างๆ จำนวนมากจะถูกนำเสนอออกมาในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามมีเพียงรายงานจีดีพี ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ค้าได้ และมันก็ไม่ได้เป็นความจริงที่ว่าเทรดเดอร์ก็พร้อมที่จะใช้งานข้อมูลสถิติทางเศรษฐกิจมหภาคอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ถ้ามูลค่าที่แท้จริงเกิดตรงกับ การคาดการณ์ หรือไม่ได้แตกต่างกันมันมากจนเกินไป (ระยะที่คาดการณ์ของจีดีพีของสหรัฐอเมริกา ในไตรมาสแรกคือ -4.0-4.6% ปีต่อปี) ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่จะมีปฏิกิริยาจากเทรดเดอร์ ผู้เข้าร่วมในตลาดสกุลเงินนั้นพร้อมสำหรับการปรับตัวลงของจีดีพี พวกเราสามารถพูดได้ว่า มันติดอยู่ในราคาของคู่สกุลเงิน นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของตลาด ในช่วงสองวันแรกของการซื้อขาย ในรอบสัปดาห์ และเมื่อวานนี้ มันเริ่มปรับตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยทางเทคนิค ในช่วงเย็นธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาจะจัดประชุม และไม่มีใครสามารถพูดล่วงหน้าได้ว่า คำพูดของประธาน Jerome Powell จะเป็นเช่นไร และธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาจะตัดสินใจอย่างไร อัตราดอกเบี้ยที่สำคัญมีแนวโน้มที่จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่โครงการกู้ยืมเงินครั้งใหม่ หรือการกระตุ้นทางเศรษฐกิจยังไม่สามารถยกเลิกได้ เทรดเดอร์กำลังรอให้เฟด คาดการณ์ถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของปี 2020-2021และเป็นช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็อาจเกิดขึ้น ยิ่งมีแนวโน้มการสนับสนุนทางเศรษฐกิจจากทางเฟด ก็ยิ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อาจร่วงลงไปมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามพวกเราคาดว่า จะปิดสถานะที่เปิดอยู่ทั้งหมดก่อนค่ำ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น