ไฮไลท์ของวัน จะเป็นการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่าดัชนีราคาผู้บริโภคที่ร้อนแรงจะเปิดทางให้ Federal Reserve เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย

ตามที่คาดการณ์ร่วมกัน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปีต่อปี คาดว่าจะชะลอแรงกดดันจากเงินเฟ้ออย่างมากจาก 2.9% ในเดือนกรกฎาคม ไปอยู่ที่ 2.5% ในเดือนสิงหาคม ขณะที่อัตราการเติบโตเดือนต่อเดือนคาดว่าจะยังคงที่ 0.2% ไม่มีการคาดหวังการเปลี่ยนแปลงในเงินเฟ้อหลัก โดยคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคหลัก (Core CPI) ปีต่อปีและเดือนต่อเดือนจะยังคงอยู่ที่ 3.2% และ 0.2% ตามลำดับ

ผู้เข้าร่วมตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเงินเฟ้อลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้หรือยังคงอยู่ที่ 2.9% อัตราดอกเบี้ยก็จะยังถูกลดลง คำถามคือ จะลดลงมากแค่ไหน?

อัตราดอกเบี้ยของ federal funds futures ปัจจุบันบ่งชี้ว่า มีความน่าจะเป็น 65% ที่จะลดลง 0.25% และ 35% ที่จะลดลง 0.50% ในทุกกรณี ตลาดมั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยหลักของ Fed จะถูกลดลง ข้อโต้แย้งหลักยังคงเป็นการชะลอตัวสำคัญของการเติบโตของการจ้างงานและแนวโน้มการลดลงของเงินเฟ้อในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากเราเปรียบเทียบเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กับของยูโรโซนหรือสหราชอาณาจักร เรามีความคิดที่น่าสนใจ เงินเฟ้อผู้บริโภคในยูโรโซนและสหราชอาณาจักรลดลงไปที่ 2.2% ขณะที่ในสหรัฐฯยังอยู่ที่ 2.9% อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีรายงานวันนี้ ธนาคารอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปยังไม่มั่นใจในการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยอ้างอิงความไม่แน่นอนว่าเงินเฟ้อจะยังคงต่ำเป็นเวลานานหรือไม่ ในขณะที่ Federal Reserve ได้ส่งสัญญาณมาหลายเดือนว่า มีเจตนาที่จะลดต้นทุนการกู้ยืม แม้เมื่อเงินเฟ้อยังเกิน 3.0% โดยเชื่อมโยงคำสัญญาเหล่านี้กับแนวโน้มการชะลอตัวของเงินเฟ้อที่คาดไว้

การสังเกตพัฒนาการเหล่านี้ สามารถโต้แย้งได้ว่ามีความประสานระหว่างธนาคารกลางของเศรษฐกิจฝั่งตะวันตก นำโดย Federal Reserve ผมเคยชี้ให้เห็นถึงประเด็นนี้มาก่อน ธนาคารอังกฤษ, ธนาคารกลางยุโรป, หรือพันธมิตรหลักอื่น ๆ ของ Fed จะไม่เริ่มลดต้นทุนการกู้ยืม จนกว่า Fed จะเป็นผู้นำในการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ออกนอก "แนวทางปฏิบัติ" หากพันธมิตรทุกคนของ Fed รวมถึงธนาคารกลางยุโรป ลดอัตราดอกเบี้ย มันจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของมูลค่าดอลลาร์สหรัฐ อย่างรวดเร็ว ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าอเมริกันในตลาดต่างประเทศลดลง และส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึงอย่างนั้น หากสมมุติว่า Fed ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 18 กันยายนในสภาพที่เงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้น — ความเป็นไปได้ที่ผมได้กล่าวถึงในบทความก่อนหน้า — ธนาคารกลางยุโรป, ธนาคารอังกฤษ และธนาคารกลางอื่นๆ ที่สหรัฐฯเห็นพ้อง จะยังคงรั้งการลดอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อของพวกเขาจะลดลงไปถึง 2.0% นี่จะช่วยสนับสนุนการครองตลาดโลกของสหรัฐฯ

เราคาดหวังอะไรได้บ้างในตลาดวันนี้?

ผมเชื่อว่า Federal Reserve ได้ตัดสินใจที่จะลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว และการลดลงของเงินเฟ้อที่เป็นไปได้ใดๆ จะเป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบในการทำเช่นนั้น ตลาดจะตอบสนองอย่างไรต่อข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.5% ปีต่อปี ตามที่คาดการณ์ไว้? ผมเชื่อว่านี่จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของดัชนีหุ้นในท้องถิ่น โดยเริ่มจากดัชนีของสหรัฐฯ ขณะที่ดอลลาร์จะอยู่ภายใต้แรงกดดัน และดัชนี ICE มีแนวโน้มที่จะลดลงต่ำกว่า 101.00 หรือแม้กระทั่งต่ำกว่านั้น

การลดลงของดอลลาร์สหรัฐฯอาจลึกเพียงใด? ผมคิดว่าการลดลงจะไม่มากนัก เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะมา โดยเฉพาะการลดลง 0.25% ถูกสะท้อนในราคาของสินทรัพย์ในขณะนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์เพิ่มเติมจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ Fed หากลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เราอาจจะได้เห็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานในตอนท้ายของการประชุมเมื่อผู้ลงทุนเก็บกำไร พูดง่ายๆ ตลาดอาจปฏิบัติตามกฎคลาสสิกที่ว่า "ซื้อข่าวลือ ขายข่าวจริง"

พยากรณ์ของวัน

EUR/USD คู่เงิน EUR/USD กำลังซื้อขายอยู่ใต้แนวต้านที่ระดับ 1.1050 หากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจทำให้ราคาคู่นี้ทะลุแนวต้านขึ้นไปถึงระดับ 1.1150 อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาด คู่นี้อาจร่วงลงไปที่ระดับ 1.1000

GBP/USD คู่เงิน GBP/USD อยู่ใต้แนวต้านที่แข็งแกร่งที่ระดับ 1.3100 ขณะรอการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ ตัวชี้วัด CPI ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์อาจสนับสนุนให้ราคาคู่นี้ทะลุแนวต้านขึ้นไปถึงระดับ 1.3235 อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ คู่นี้อาจร่วงลงไปที่ระดับ 1.3020