ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคสำหรับวันที่ 17 กรกฎาคม 2017:

ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของสหราชอาณาจักรอังกฤษอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี จากรายงานได้ระบุไว้ในวันจันทร์ว่าหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน IHS Markit คุณ Chris Williamson ได้กล่าวเอาไว้ว่า "บริษัทหลายแห่งได้วิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มทางธรกิจ โดยหลักเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)" โดยเขาได้กล่าวไว้อีกว่า "แนวโน้มที่ดีทางธุรกิจเกี่ยวกับการคาดการณ์ในอนาคตได้ลดลงไปในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี แล้วยังมาจากเนื้อหาของการรายงานที่เพิ่มเข้ามาแล้วชี้ให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง" สำหรับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ออ่นแออาจจะมีความเกี่ยวข้องกันกับความกังวลในการต่อรองของ Brexit ซึ่งยังกระตุ้นความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศและทำลายงบประมาณผู้บริโภคที่ทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในสหราชอาณาจักรลดลงไปในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยการทิ้งตัวลงไปในความเชื่อมั่นก่อให้เกิดแรงกดดันต่อแนวโน้มของสหราชอาณาจักรและผลักดันมันให้อยู่ต่ำกว่าระดับในปัจจุบันในยุโรป โดยเฉพาะในเยอรมัน นอกจากนั้นระดับของแนวโน้มที่ดีในสหราชอาณาจักรค่อนข้างมีความต่างอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับบันทึกที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่สูงในหลายปีทั้งในสหรัฐอเมริกาและในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นแล้วเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอังกฤษค่อนข้างเสี่ยงที่จะปรับตัวลงท่ามกลางแนวโน้มทางเศรษฐกิจระดับโลกที่ดีขึ้น

จากการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดออกมาได้สนับสนุนต่อมุมมองทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอังกฤษ สำหรับบริษัทหลายแห่งได้คาดถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางธุรกิจแต่กลับลดลงไปถึง 35% ในเดือนมิถุนายนจากเดิมในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ใน 54% ซึ่งเป็นระดับที่น้อยที่สุดที่เคยพบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 ที่ผ่านมา อ้างอิงการรายงานจากสถาบัน EY Item Club think tank พบว่าการเติบโตของยอด GDP ในสหราชอาณาจักรมีการปรับตัวลงไปจากร้อยละ 1.8 เป็นร้อยละ 1.5 แล้วก็ยังอาจจะปรับตัวลงไปอีกก็เป็นได้ สำหรับการบีบตัวของเงินเฟ้อต่อผู้บริโภคก็ค่อนข้างส่งผลกระทบอย่างมากดังนั้นแล้วค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนต่อค่ายอด GDP ในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับแรงต้านหลังจากที่ได้สูญเสียโมเมนตัมไป ส่วนเงินเฟ้อก็คาดว่าจะขยับตัวเพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ 3.3 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก่อนหน้าที่มีการเพิ่มขึ้นของการรายงานผลกำไรโดยเฉลี่ย

โดยรวมแล้วภาพรวมของเศรษฐกิขของสหราชอาณาจักรอังกฤษค่อนข้างมืดมน ดังนั้นมันอาจจะเร็วไปที่จะมองเห็นถึงผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินปอนด์ สำหรับการอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์หลังจากมีการโหวต Brexit เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาค่อนข้างมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นถึงแม้ว่าจะมีการปรับตัวไปมาบ้าง แล้วยิ่งได้รับการกระตุ้นจากแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจากธนาคารแห่งประเทศอังกฤศ ในแนวโน้มระยะยาวที่ยังคงอยู่ในช่วงล่าง

กลับมาดูที่ภาพรวมทางเทคนิคของคู่สกุลเงิน ปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP/USD) จากตารางเวลา4ชั่วโมงจะพบว่าหลังจากที่มีการเคลื่อนที่ทะลุผ่านล่าสุดเหนือเส้นแนวต้านทางเทคนิคในระดับที่ 1.3029 - 1.3057 ในตอนนี้ตลาดเลยปรับตัวไปในจุดสูงในระดับที่ 1.3113 เพื่อที่จะไปทดสอบกับแนวรับ ส่วนเงื่อนไขในตลาดก็อยู่ในoverbought แต่ก็ยังไม่มีการพบ negative divergence ในตอนนี้